"เฮาคาตล์" (Hákarl) หนึ่งในอาหารที่มีกลิ่นรุนแรงที่สุดในโลก🦈
#เฮาคาตล์
(Hákarl) คืออาหารประจำชาติของไอซ์แลนด์
🇮🇸
ที่ทำจากปลาฉลามหมัก ถือเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงในด้านกลิ่นที่รุนแรงและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เฮาคาตล์มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนกลับไปถึงยุคไวกิ้ง ในอดีต ชาวไอซ์แลนด์จำเป็นต้องหาวิธีถนอมอาหารเพื่อให้มีเสบียงเพียงพอในช่วงฤดูหนาวที่ยาวนานและโหดร้าย ปลาฉลาม เป็นปลาที่มีอยู่มากในน่านน้ำไอซ์แลนด์ แต่เนื้อของมันสดๆ นั้นมีสารพิษสูง (เช่น ยูเรียและไตรเมทิลามีนออกไซด์) เนื่องจากปลาฉลามชนิดนี้ไม่มีระบบทางเดินปัสสาวะ การหมักจึงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เนื้อฉลามปลอดภัยและกินได้ เฮาคาตล์จึงเป็นสัญลักษณ์ของความมุมานะและความสามารถในการปรับตัวของชาวไอซ์แลนด์ในการเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย
ปัจจุบัน เฮาคาตล์ยังคงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของวัฒนธรรมไอซ์แลนด์ มักถูกเสิร์ฟในเทศกาลกลางฤดูหนาว "þorrablót" ซึ่งเป็นงานเฉลิมฉลองอาหารไอซ์แลนด์แบบดั้งเดิม
การทำเฮาคาตล์เป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานและต้องอาศัยความพิถีพิถัน
🦈เริ่มจากการนำปลาฉลามมาควักไส้และตัดหัวออก
🦈นำเนื้อปลาฉลามที่เตรียมไว้ไปฝังในหลุมตื้นๆ ที่ขุดในพื้นดินที่มีกรวดและทราย โดยมีการใช้หินหนักๆ วางทับด้านบนเพื่อกดให้น้ำและสารพิษไหลออกจากเนื้อปลา กระบวนการหมักนี้ใช้เวลาประมาณ 6-12 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับฤดู
🦈หลังจากหมักแล้ว เนื้อปลาฉลามจะถูกนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปแขวนไว้ในโรงตากอากาศโล่งๆ เป็นเวลาหลายเดือน (ประมาณ 4-5 เดือน) ในระหว่างนี้ เนื้อปลาจะเกิดเปลือกสีน้ำตาลขึ้น ซึ่งจะถูกเลาะออกก่อนนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อเสิร์ฟ
เฮาคาตล์ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นที่รุนแรงมาก ซึ่งมักถูกเปรียบเทียบกับกลิ่นของแอมโมเนียหรือสารเคมีทำความสะอาด เนื่องจากกระบวนการหมักจะเปลี่ยนยูเรียในเนื้อปลาให้เป็นแอมโมเนีย สำหรับรสชาตินั้น เฮาคาตล์มีรสชาติที่เข้มข้น เผ็ดร้อน และค่อนข้างออกเปรี้ยว หลายคนอธิบายว่าเป็นรสชาติที่คล้ายกับชีสที่มีกลิ่นแรงมากๆ หรือบางครั้งก็ถูกอธิบายว่ามีรสชาติคล้ายปัสสาวะ
สำหรับผู้ที่ลองครั้งแรกอาจจะรู้สึกไม่คุ้นชินหรือแม้กระทั่งสำรอกได้
โดยทั่วไปแล้ว การรับประทานเฮาคาตล์มักจะเสิร์ฟเป็นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ และนิยมรับประทานคู่กับ "เบรนนิวิน (Brennivín)" ซึ่งเป็นเหล้าชนาปส์ท้องถิ่นของไอซ์แลนด์ เพื่อช่วยกลบกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเฮาคาตล์
เฮาคาตล์เป็นอาหารที่ต้องใช้ความกล้าในการลอง แต่ก็เป็นประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าจดจำสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไอซ์แลนด์
0 ความคิดเห็น