"ผลไม้ที่ขึ้นรา" ตัดส่วนที่เป็นราออกแล้วนำผลไม้นั้นมากินได้หรือไม่🍓🥭🍊🍎🥑🍅
โดยทั่วไป ไม่ควร นำผลไม้ที่ขึ้นรามาตัดส่วนที่เป็นราทิ้งแล้วรับประทานต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลไม้เนื้อนิ่ม (Soft Fruits) และผลไม้ที่มีความชื้นสูง
นี่คือเหตุผลหลักๆ
1. เส้นใยของรา (Root-like threads) ที่มองไม่เห็น
ราที่เราเห็นเป็นปุยหรือจุดๆ นั้นเป็นเพียงส่วนที่สร้างสปอร์ (ส่วนบน) แต่เส้นใยราที่แท้จริงจะหยั่งรากลึกและแผ่กระจายเข้าไปในเนื้อผลไม้ได้มากกว่าส่วนที่เราเห็นบนผิว โดยเฉพาะในผลไม้เนื้อนิ่มที่มีความชื้นสูง ทำให้การตัดส่วนที่มองเห็นออกอาจไม่เพียงพอที่จะกำจัดราทั้งหมด
2. สารพิษจากรา (Mycotoxins)
ราบางชนิดสามารถผลิตสารพิษที่เรียกว่า ไมโคท็อกซิน (Mycotoxin) ซึ่งเป็นสารพิษที่สามารถแพร่กระจายเข้าไปในเนื้อผลไม้ได้ แม้ในส่วนที่ดูปกติ ไมโคท็อกซินบางชนิดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากรับประทานเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการป่วยในระยะสั้น หรือสะสมในร่างกายจนอาจเป็นอันตรายในระยะยาวได้
ผลไม้ที่ควรทิ้งทันที (Discard Immediately)
ผลไม้เนื้อนิ่มและมีความชื้นสูง (Soft, High-Moisture Fruits) เช่น สตรอว์เบอร์รี, ลูกพีช, มะเขือเทศ, องุ่น, แตงกวา, ลูกพลัม
เหตุผล
ราสามารถแพร่กระจายเส้นใยและสารพิษไปทั่วเนื้อผลไม้ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
เนื่องจากมีความชื้นสูง
ผลไม้ที่อาจพิจารณาตัดส่วนที่เป็นราทิ้ง (Harder Fruits)
สำหรับ ผลไม้เนื้อแข็ง (Firm/Hard Fruits) ที่มีความชื้นต่ำ เช่น แครอท, หัวกะหล่ำปลี, พริกหยวก, แอปเปิลเนื้อแน่น, มันฝรั่ง ภายใต้คำแนะนำของหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหาร (เช่น USDA) อาจ อนุญาตให้ตัดส่วนที่เป็นราทิ้งได้ โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
ตัดให้ลึกและกว้าง ให้ตัดรอบและใต้จุดที่เป็นราออกไปอย่างน้อย 1 นิ้ว (ประมาณ 2.5 เซนติเมตร)
ระวังการปนเปื้อน ไม่ให้มีดสัมผัสกับรา เพราะอาจทำให้เชื้อราแพร่กระจายไปส่วนอื่นได้
เมื่อสงสัยให้ทิ้ง หากไม่แน่ใจว่าเป็นราชนิดใด หรือผลไม้ขึ้นรามาก ควรทิ้งไปทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
เพื่อความปลอดภัย การทิ้งผลไม้ที่ขึ้นราไปเลยจะดีที่สุด อย่าเสี่ยงกับการรับประทานสารพิษจากราที่มองไม่เห็น!
The Earth
0 ความคิดเห็น