"เจ้าหญิงน้อยยอดนักเคลม" แห่งขะเหม็น ผู้คลั่งไคล้ "ชุดไทย" ไม่หวั่นกระแสวิจารณ์วัฒนธรรม
"เคลมเก่งตั้งแต่ไพร่ยันเจ้า... เจ้าหญิงน้อยยอดนักเคลมแห่งขะเหม็น อวดเครื่องประดับลายไทย “สวยเหลือเกินหนูชอบ” สวนกระแส ‘ไม่ชอบคนไทยแต่ใส่ชุดไทย’ "
เมื่อวัฒนธรรมไม่ได้มีพรมแดน: ดราม่าชุดไทยข้ามพรมแดนที่ยังไม่จบ
ประเด็นการ "เคลม" วัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ดูเหมือนจะเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอในโลกโซเชียล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเผยแพร่ภาพบุคคลสำคัญ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงของกัมพูชาปรากฏตัวในชุดเครื่องแต่งกายที่มีความคล้ายคลึงหรือแทบจะเรียกได้ว่าเป็น "ชุดไทย"
ล่าสุด กระแสวิจารณ์ได้พุ่งเป้าไปที่ "เจ้าหญิงน้อย" แห่งราชสำนักกัมพูชา ที่ได้มีการโพสต์ภาพและข้อความที่สร้างความฮือฮาในกลุ่มชาวไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่ติดตามประเด็นความขัดแย้งทางวัฒนธรรมนี้อย่างใกล้ชิด
"ไม่ชอบคนไทย แต่ใส่ชุดไทย" คือประเด็นร้อน!
ภาพที่เผยแพร่แสดงให้เห็นเจ้าหญิงน้อยสวมใส่ชุดและเครื่องประดับที่มีลักษณะเป็นลายไทยชัดเจน โดยเฉพาะ "จอนหู" (ต่างหู) ลายไทย พร้อมแคปชั่นที่แสดงความชื่นชมว่า "ช่างสวยเหลือเกินหนูชอบ" ซึ่งการแสดงออกเช่นนี้ได้จุดชนวนให้เกิดคำถามในหมู่ชาวไทยจำนวนมาก
เสียงวิจารณ์จากฝั่งไทย มักตั้งข้อสังเกตและแสดงความไม่พอใจในทำนองว่า:
"เคลมเก่งตั้งแต่ไพร่..ยันเจ้า..."
"ไม่ชอบคนไทยแต่ใส่ชุดไทย มึงชอบกูเข้าใจแต่ชุดเป็นของไทยโอเคนะ"
"ชุดไทยนะคะ.......ชุดเขมรอีกแบบนึง"
มุมมองเหล่านี้สะท้อนถึงความรู้สึกของชาวไทยที่ต้องการปกป้องและยืนยันใน "อัตลักษณ์" ของชุดไทยพระราชนิยมและเครื่องแต่งกายแบบไทย ที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และการใช้งานที่ชัดเจนมายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่กระทรวงวัฒนธรรมของไทยเองก็กำลังเดินหน้าผลักดัน "ชุดไทย" ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก
จุดยืนที่ต้องถกเถียง: ความคล้ายคลึงทางภูมิภาค หรือ การเคลม?
แน่นอนว่าวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการแลกเปลี่ยนและมีอิทธิพลซึ่งกันและกันมาตั้งแต่โบราณ ทำให้เกิดความคล้ายคลึงกันในเครื่องแต่งกายและศิลปะหลายแขนง แต่การที่บุคคลสำคัญของกัมพูชาเลือกที่จะสวมใส่ชุดที่มีความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักในระดับสากลว่าเป็น "ชุดไทย" ในขณะที่คนบางกลุ่มในประเทศนั้นๆ มีการ "เคลม" หรือให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนว่าชุดเหล่านั้นเป็นของกัมพูชา ก็ยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความตึงเครียดมากขึ้น
การแสดงออกของเจ้าหญิงน้อยครั้งนี้ แม้จะเป็นการแสดงความชื่นชมความงามของเครื่องแต่งกาย แต่ในบริบทของความขัดแย้งทางวัฒนธรรมที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็กลายเป็นอีกหนึ่งชนวนที่ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องใช้ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ และ การทูตทางวัฒนธรรม ในการทำความเข้าใจและสร้างความชัดเจนในอัตลักษณ์ของแต่ละชาติ เพื่อให้การชื่นชมความงามของวัฒนธรรมเพื่อนบ้านเป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์และให้เกียรติซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง




0 ความคิดเห็น