พัฒนาพื้นที่ห่างไกลสู่ความยั่งยืน ใต้ร่มพระบารมี
ใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แสงแห่งความหวังได้สาดส่องสู่ดินแดนห่างไกล ทรงมีพระราชดำริอันกว้างไกลในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนบนพื้นที่สูง โดยเฉพาะชาวเขาและกลุ่มชาติพันธุ์ที่เคยดำรงชีวิตด้วยการปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย อันนำไปสู่ปัญหายาเสพติดและการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
จากพระราชปณิธานอันแน่วแน่ จึงเกิด “โครงการหลวง” ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็นทุนเริ่มต้นในการดำเนินงาน มุ่งส่งเสริมให้ชาวเขาหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจทดแทน เช่น กาแฟ แมคคาเดเมีย สตรอว์เบอร์รี และผักเมืองหนาว ตลอดจนสนับสนุนองค์ความรู้ด้านเกษตรกรรม การศึกษา สาธารณสุข และพัฒนาอาชีพในระยะยาว ลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมกับฟื้นฟูป่าไม้และดูแลระบบนิเวศโดยรอบ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนสถานภาพของโครงการหลวงเป็นมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อให้เป็นองค์กรที่มั่นคงถาวร
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานหลักการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการหลวง ได้แก่
• เข้าใจ : วิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวเขาและบริบทพื้นที่สูงอย่างรอบด้าน
• เข้าถึง : ชุมชนพื้นที่สูงบนดอยห่างไกลและบริบททางสังคม โดยไม่ใช่เพียงการ “ไปดู” แต่ต้อง “เข้าไปมีส่วนร่วม” ในปัญหา
• พัฒนา : บนพื้นฐานความร่วมมือร่วมใจ พัฒนาตามสภาพปัญหา และความต้องการของชุมชนบนพื้นที่สูง โดยการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ
ปัจจุบันศูนย์พัฒนาโครงการหลวงมีทั้งหมด จำนวน ๓๙ ศูนย์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ๖ จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำพูน และตาก
โครงการหลวงไม่เพียงพลิกฟื้นผืนป่าและชีวิตผู้คนในเขตทุรกันดาร หากยังเป็นแบบอย่างของการพัฒนาที่ยั่งยืนบนฐานของ “ภูมิสังคม” อย่างแท้จริง
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ได้กลายเป็นเสาหลักแห่งความมั่นคงของชุมชนบนดอย และยังส่งผลดีถึงประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ทั้งด้านความมั่นคงทางอาหาร เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
#รัชกาลที่9 #คนบนฟ้า #วันนวมินทรมหาราช
0 ความคิดเห็น