เน็ตไทยสวยเจ็บ! วิจารณ์แรงครูสาวเขมร ใช้บทเรียน “นกแร้ง” พาดพิงการเมือง ชี้ครูยังคิดได้ขนาดนี้ อนาคตเด็กจะเหลืออะไร
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดบนโลกออนไลน์ เมื่อมีการเผยแพร่คลิปและข้อความจากห้องเรียนแห่งหนึ่งในกัมพูชา ซึ่งปรากฏว่าครูสาวรายหนึ่งกำลังสอนนักเรียนเกี่ยวกับ “นกแร้ง” สัตว์กินซากตามธรรมชาติ แต่เนื้อหาที่ควรเป็นบทเรียนเชิงชีววิทยากลับถูกตั้งคำถามอย่างหนัก เมื่อครูได้กล่าวพาดพิงไปถึงประเด็นอ่อนไหวทางชาติพันธุ์และการเมือง
ในระหว่างการสอน ครูรายดังกล่าวอธิบายว่านกแร้งเป็นนกที่ชอบกินเนื้อ และมีจำนวนมากบริเวณชายแดนในช่วงนี้ ก่อนจะกล่าวต่อในลักษณะเสียดสีว่า “ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อชาวเสียมเยอะมาก” ซึ่งคำพูดดังกล่าวถูกมองว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อออกมาจากปากของผู้ที่มีสถานะเป็น “ครู” และอยู่ต่อหน้ากลุ่มนักเรียน
หลังคลิปถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตไทยจำนวนมากต่างออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างร้อนแรง หลายคนมองว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่ใช่เพียงแค่การหลุดพูด แต่สะท้อนทัศนคติที่ปลูกฝังความเกลียดชังตั้งแต่ในห้องเรียน พร้อมตั้งคำถามกลับไปอย่างเจ็บแสบว่า “ขนาดครูยังเลวได้ขนาดนี้ แล้วนักเรียนจะเลวขนาดไหนกันนะ ไม่ต้องสืบ”
คอมเมนต์จำนวนไม่น้อยยังสะท้อนความกังวลถึงอนาคตของเด็กและสังคม โดยชี้ว่า ครูคือผู้มีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมความคิดของเยาวชน หากผู้สอนยังใช้ความรู้เป็นเครื่องมือในการบิดเบือน สอดแทรกอคติ และสร้างความเกลียดชัง เด็กที่เติบโตขึ้นมาจะซึมซับสิ่งเหล่านี้ไปโดยไม่รู้ตัว
บางความเห็นถึงขั้นตั้งข้อสังเกตเชิงสะเทือนใจว่า บุคคลที่ถูกพาดพิงในลักษณะดังกล่าว อาจเป็นพ่อ ลุง อา หรือแม้แต่ปู่ของนักเรียนเอง ขณะที่อีกหลายเสียงประชดประชันว่า ควรลองถามผู้ปกครองของนักเรียนที่เป็นทหารดูบ้าง ว่ายังติดต่อได้หรือไม่ เพราะช่วงหลังมีข่าวประกาศหาคนหายจำนวนมาก
เหตุการณ์นี้จึงไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงดราม่าในห้องเรียนธรรมดา แต่กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่สะท้อนปัญหาการใช้สถานศึกษาเป็นพื้นที่ปลูกฝังอคติและความเกลียดชังทางชาติพันธุ์ ซึ่งสวนทางกับบทบาทของครูในอุดมคติ ที่ควรสอนให้เด็กมีวิจารณญาณ เคารพความแตกต่าง และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติ
ท้ายที่สุด กระแสจากฝั่งชาวเน็ตไทยยังคงตั้งคำถามสำคัญว่า หากผู้ทำหน้าที่ “แม่พิมพ์ของชาติ” ยังแยกไม่ออกระหว่างการให้ความรู้กับการปลุกปั่น แล้วอนาคตของเด็กและความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในภูมิภาคนี้ จะถูกหล่อหลอมไปในทิศทางใดกันแน่



0 ความคิดเห็น